เสื้อโค้ท ของ นิโคไล โกโกล THE GREATCOAT
ไม่ใช่แค่เสื้อโค้ทของใครคนเดียว แต่เป็นเสื้อโค้ทของใครหลายคน  ฟังเรื่องราวการทำงานของเพื่อนคนหนึ่ง ทำให้นึกถึงหนังสือเล่มนี้


แปลโดย ดลสิทธิ์ บางคมบาง
เรื่องสั้นที่ถือว่าเป็นหนึ่งในเรื่องสั้นที่ดีที่สุดของโลก
นิโคไล โกโกล (1809-1852)
ข้อมูลอ้างอิงจากผู้แปลสำนักพิมพ์ คมบางคลาสสิค


ต้นธารวรรณกรรมยุคใหม่ของรัสเซีย 
ผู้ซึ่ง ดอสโตเยฟสกี้ กล่าวถึงไว้ว่า “พวกเราล้วน ออกมาจาก ‘เสื้อโค้ท’ ของโกโกล”
และได้ให้มาร์คาร์ จากรักของผู้ยากไร้ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้อีกด้วย
(ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่า พวกเรา ในที่นี้ อาจไม่ใช่แค่นักเขียนจากรัสเซีย มันอาจหมายรวมถึงนักเขียนในอีกหลาย ๆ ประเทศ)


อารมณ์ เยาะเย้ย เหยียดหยาม เสียดสี และประชดประชัน ของเรื่องสั้นเสื้อโค้ทเล่มนี้ กล่าวถึงสังคมการทำงานในวงราชการที่หาความเป็นมิตรที่จริงใจได้ยากยิ่ง ระดับขั้นที่มากมาย และเยิ่นเย้อ ระดับตำแหน่งการบังคับบัญชาที่เข้มงวด ผู้ที่อยู่ระดับสูงกว่าชอบปฏิบัติตัวให้ต่ำลงโดยการกดขี่ข่มเหงผู้ที่ต่ำกว่า อย่างไร้ยางอาย เพราะมีตำแหน่งครอบหน้าอยู่จนแข็งไปหมด การหมดเปลืองเวลาไปกับการทำงานที่ไร้คุณค่า หรือการไม่ทำอะไรเลย นอกจากการสั่งให้คนอื่นทำ และตั้งตารอเวลาของการสังสรรค์ ดื่มเหล้า เล่นไพ่ เล่นการพนัน แหม มันชั่งเหมือนกันในทุกอาชีพ และ ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งแน่นอนว่า ลูกหลานของเราในอนาคต ก็ยังจะต้องพบเจอ เสื้อโค้ท อีกหลายตัวเลยทีเดียว


 


ผู้เขียน ในฐานะผู้เล่าเรื่องราว ที่น่าขมขื่ม และโศกนาฏกรรมของเสมียนในกรมแห่งหนึ่ง เป็นพนักงานคัดลอกเอกสารให้กับหน่วยงาน ผู้ที่ถูกสังคมรอบข้าง ผู้ร่วมงาน เห็นเป็นตัวตลก ดูถูกและกลั่นแกล้ง เป็นผู้ที่ได้รับเคราะห์กรรมโดยบังเอิญตามท้องถนนอยู่เสมอ ความโชคร้ายอย่างไม่น่าเชื่อก็เกิดกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เคราะห์กรรม จากฐานะและตำแหน่งงานที่ต่ำต้อย ทำให้เขาสูญเสียในหลายสิ่งหลายอย่าง รวมทั้งเสื้อโค้ทที่มีความหมายกับเขามากที่สุด และแม้กระทั่งชีวิต…ของเขา


เรื่องราวน่าเศร้า และไม่น่าคาดคิด ที่เกิดกับเสมียนผู้อับโชคผู้นี้ ผู้ที่ไม่ได้มีเวลามากพอต่อการแสดงอารมณ์กับประชาชนที่มาติดต่อ ไม่เคยเลยที่จะเยาะหยันผู้อื่นแต่กลับเป็นผู้ถูกเยาะเย้ย และรองรับอารมณ์ของผู้ร่วมงานด้วยกันเอง สาเหตุก็เป็นเรื่องคลาสสิค ที่ยังเกิดขึ้นอยู่เสมอ และก็ทำให้เรารู้สึกย่ำแย่ได้ทุกเมื่อที่ได้รับฟัง นั่นก็คือ ฐานะที่ยากจนของเสมียนผู้นี้ และผ้าบาง ๆ ที่คลุมอยู่บนตัวเขา เสื้อโค้ท เก่าแก่สมบัติของเขานั่นเอง


 


เกือบทั้งเล่มเราอาจมีรอยยิ้มที่มุมปากข้างหนึ่งยกขึ้นไปเพียงเล็กน้อย เป็นอาการที่เกิดจากมุขตลกของผู้เขียนที่ออกแนวเสียดสี แดกดัน โดยไม่พักเลยซึ่ง ข้าพเจ้าคิดว่า แนวนี้เป็นที่นิยมในประเทศเราเหมือนกัน


แค่คำขึ้นต้นของเรื่อง ก็ทำให้เรา ออกอาการ มุมปากกระตุก ด้วยความปลง เออ จริงของเขาว่ะ “ที่กรม.. แต่ข้าพเจ้าว่าอย่าไประบุดีกว่าว่ากรมอะไร เพราะบรรดากรมกอง หน่วยทหาร ตุลาการ จะว่าไปแล้ว ก็ส่วนราชการทุกหน่วยนั่นแหละ ล้วนเป็นพวกที่อารมณ์เสียกันง่ายเหลือเกิน”


 


หรือ การบรรยายถึงงานของเสมียน “เมื่อทั้งอาณาจักรแห่งเสมียนของนครเซนปีเตอร์สเบอร์กกำลังผ่อนพักจากภารกิจประจำวันในการขูดขีดปากกา จากการพล่านพัลวันกันอยู่ตามกรมกองของตัวเองและกรมอื่น ๆ จากบรรดางานพิเศษและงานไร้ความจำเป็นทั้งปวงที่สมัครใจทำกันโดยพวกที่ชอบแสดงตนเป็นคนว่างไม่ได้”


 


จุดผลิกผลันของสถานการณ์อันเกิดจากเสื้อโค้ทล้ำค่า เพียงสิ่งเดียวที่เขามี ก็เกิดขึ้นในตอนปลายของเรื่อง ความแล้งน้ำใจของผู้มีตำแหน่งสูง แต่จิตใจคับแคบผู้หนึ่ง กับ ความโหดร้าย ของผู้คน ก็นำมาซึ่งเรื่องเศร้า ผู้อ่านอาจรู้สึกเจ็บช้ำ และหวั่นเกรง คาดหวังว่าผู้เขียนคงจะไม่ทำให้เหตุการณ์ย่ำแย่ไปกว่าที่ผ่านมาแล้ว แต่ไม่เลย มันจะย่ำแย่ขึ้นไปอีก ขึ้นไปอีก จนเรารู้สึกว่ามันชั่งเป็นเรื่องโหดร้ายเหลือเกิน แต่มันก็คือเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง


 


ถ้าในวันหนึ่ง เรา หรือ ใครก็ตาม ที่ได้อ่านงานเล่มนี้แล้ว ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้มีอำนาจล้นฟ้า
มีบารมีล้นเหลือ เราจะคาดหวังให้ตัวเองยิ่งใหญ่และใหญ่โต ด้วยผลงาน ความเคารพนบนอบจากใจจริง หรือ ด้วยเสียงแหลมเล็กที่เสียดแทงเข้าไปในรูหู ด้วยการขมขู่ หรือน้ำลายที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว 
ให้ใครต่อใครได้หวาดกลัว และเบือนหน้าหนี
และถ้านี่…มันหมายถึง ชีวิตของใครบางคน… ผู้ที่เห็นเราเป็นที่พึ่งพิงคนสุดท้าย